ศาสนาอิสลามเกิดขึ้นในดินแดนทะเลทรายอาหรับ เมืองเมกกะ(ประเทศซาอุดิอาระเบีย ปัจจุบัน) เป็นศาสนาที่มีความสำคัญศาสนาหนึ่งของโลกซึ่งมีผู้นับถือจากทุกชาติทุกภาษา มีศาสดาชื่อ ศาสดามุฮัมมัด มีคัมภีร์ได้แก่ คัมภีร์อัลกุรอาน มีพิธีกรรมเช่น การละหมาด การถือศีลอด การบำเพ็ญฮัจญ์ มีศาสนสถาน เช่น มัสญิดอัลกะอ์บะฮ์ และเรียกผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามว่า มุสลิม
คำว่า “อิสลาม” เป็นภาษาอรับ หมายถึง การนอบน้อม มอบตนจำนนต่ออัลลอฮ์ คือการยอมมอบตนตามประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าโดยสิ้นเชิง ยังหมายถึงความสันติความปลอดภัย อิสลามในฐานะเป็นชื่อของศาสนาใช้ตามคัมภีร์อุลกุรอาน
“มุสลิม” คือผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม คำว่ามุสลิม ยังมีความหมายรวมถึงผู้ใฝ่สันติ ผู้ยอมมอบกายและหัวใจต่อพระเจ้า คนไทยที่นับถือศาสนาอิสลามจึงได้ชื่อว่า ชาวไทยมุสลิม
“อัลลอฮ์” พระนามเฉพาะของพระเป็นเจ้า หมายถึง พระนามของพระผู้เป็นเจ้าแห่งสากลจักรวาล ในศาสนาอิสลามนับถืออัลลอฮ์องค์เดียวเท่านั้น ที่เป็นผู้บังเกิดโลกนี้และจักรวาลทั้งหลายมา พร้อมทั้งเป็นผู้ทรงบังเกิดสิ่งที่มีชีวิตและสิ่งที่ไม่มีชีวิต สิ่งที่เรามองเห็นและสิ่งที่เรามองไม่เห็น ทรงเป็นผู้สร้าง ทรงเป็นผู้ควบคุม ทรงเป็นผู้ดูแล และเป็นผู้ทรงประทานสรรพสิ่งทั้งหลายมา
“อัลกุรอาน” คัมภีร์ของศาสนาอิสลามซึ่งรวบรวมวะห์ยุ หรือพระดำรัสของอัลลอฮ์ ที่ประทานแก่ศาสดามุฮัมมัด ผ่านมลาอิกะฮ์ที่มีนามญิบรีล เพื่อเป็นสิ่งชี้ทางแก่มนุษยชาติ ถ่ายทอดเป็นภาษาอาหรับ ประทานครั้งแรกในคืนอัลก็อดร์ คือคืนที่สำคัญที่สุดในเดือนเราะมาฎอน
หลักการของอิสลาม 2 ประการ คือ หลักศรัทธา 6 ประการ และ หลักปฏิบัติ 5ประการ
หลักศรัทธา 6 ประการ คือ
- ศรัทธาในพระเจ้า(อัลลอฮ์)
- ศรัทธาในบรรดามลาอิกะฮ์ ของอัลลอฮ์ หรือเทวฑูต
- ศรัทธาในบรรดาคัมภีร์ของอัลลอฮ์
- ศรัทธาในบรรดาศาสดาหรือนบี (ศาสดาหรือนบี แปลว่าผู้ประกาศหรือว่าแจ้งข่าว)
- ศรัทธาในวันตัดสินและการเกิดใหม่ในปรโลก
- ศรัทธาในกฎกําหนดสภาวะ แห่งธรรมชาติ แห่งชีวิต
คําว่า “ ศรัทธา “ หมายถึง ความเชื่อถือ ความเลื่อมใส
สําหรับหลักปฏิบัติ มี 5 ประการ คือ
- การปฏิญานตนว่า “ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์ และท่านนบีมูฮัมมัด คือศาสนฑูตของพระองค์”
- การนมาซ หรือนมัสการวันละ 5 เวลา คำว่า”นมาช”เป็นภาษาเปอร์เซีย แผลงเป็นภาษาไทยว่า “ละหมาด” เวลาที่กำหนดไว้ คือ ยํ่ารุ่งก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น บ่าย เย็น หัวคํ่า และยามดึกก่อนเที่ยงคืน การละหมาดอาจทําที่ใดก็ได้ แต่ต้องหันหน้าไปทางเมืองเมกกะประเทศซาอุดิอาระเบีย
- การถือศีลอด (1 เดือน คือเดือนที่ 9 ของฮิจเราะห์สักราช ตามปฏิทินทางจันทรคติของอิสลาม ซึ่งเรียกเดือน”เราะมะฎอน”)
- การบริจาคซะกาต
- การประกอบพิธีฮัจญ์. คือการไปเยี่ยมหรือการเดินทางไปมักกะฮ์
ศาสนาอิสลามได้เข้ามาสู่ประเทศตั้งแต่ก่อนสมัยสุโขทัย โดยมีอิทธิพลอยู่บนแหลมมลายูก่อนแล้ว เพราะมีหลักฐานปรากฏว่าชาวมุสลิมจากประเทศอาหรับและอินเดียได้เข้ามาทำการค้า และเผยแพร่ศาสนาอิสลามแก่ผู้ที่อยู่บนแหลมมลายู ในสมัยกรุงศรีอยุธยาประมาณคริสตศักราช 1590 – 1605 ได้มีพ่อค้าชาวอาหรับจากประเทศเปอร์เซียชื่อ “เฉกอะหมัด” เข้ามาตั้งหลักแหล่งและค้าขายอยู่ในกรุงศรีอยุธยา และพ่อค้าผู้นี้ ต่อมาได้รับการแต่งตั้งจากพระมหากษัตริย์ไทย คือพระเจ้าทรงธรรมให้เป็นเจ้าพระยาเฉกอะหมัด ตำแหน่งสมุหนายกว่าราชการทางฝ่ายเหนือ ท่านผู้นี้ได้เป็นบรรพบุรุษของตระกูลไทยในปัจจุบันหลายตระกูล สำหรับชาวมุสลิมในจังหวัดภาคใต้ของไทยนั้นเป็นชนพื้นเมืองมาแต่ดั้งเดิม มิได้สืบเชื้อสายมาจากชาวมุสลิมที่เข้ามาทำการค้า หรืออพยพมาจากดินแดนอื่น เพราะมีหลักฐานปรากฏว่าชนชาติดั้งเดิมเหล่านี้ได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่บนแหลมมลายู ตั้งแต่ก่อนคริสตศักราชเป็นเวลา 43 ปี และมีอาณาจักสำคัญ คืออาณาจักรลังกาซู ต่อมาประมาณคริสตศักราช 220 ชนชาตินี้ก็ได้ก่อตั้งอาณาจักรขึ้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และในคริสตศักราช 658 เกิดอาณาจักรขึ้นใหม่ คืออาณาจักรศรีวิชัย มีอิทธิพลแผ่ไปทั้วแหลมมลายู และอาณาจักรที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ก็ตกอยู่ในอำนาจของอาณาจักรศรีวิชัยด้วย จนกระทั่งถึงคริสตศตวรรษที่ 8 อาณาจักรศรีวิชัยเสื่อมอำนาจลง และอาณาจักรใหม่เกิดขึ้นแทนที่ คืออาณาจักรมัชปาหิต ต่อมาถึงคริสตศักราช 1401 อาณาจักนี้ก็เสื่อมสลายลง และอิทธิพลของศาสนาอิสลามก็ได้แผ่เข้าแทนที่ วัฒนธรรมอินเดียที่เคยมีอยู่ในบริเวณนี้ประมาณปลายคริสตศตวรรษที่ 8 ถึงต้นคริสตศตวรรษที่ 9 ศาสนาอิสลามได้เข้าฝังรกรากในอาณาจักรปัตตานี ซึ่งก่อตั้งโดยพระยาตนกูดันดารา และขยายตัวไปครอบคลุมจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในปัจจุบันชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลามมีอยู่ทั่วประเทศ
ชาวไทยมุสลิมทุกคนที่เกิดในประเทศไทย ไม่ว่าจะมีภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ ณ แห่งใด ถือว่าเป็นคนสัญชาติไทย และมีสิทธิเสรีภาพตามกฎหมายเท่าเทียมกับชาวไทยที่นับถือศาสนาอื่น ๆ สำหรับชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลามในจังหวัดชายแดนภาคใต้ 4 จังหวัด ได้แก่ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และสตูล รัฐบาลให้สิทธิพิเศษให้ใช้กฎหมายอิสลามในเรื่องครอบครัวและมรดก เพื่อให้สอดคล้องกับหลักศาสนาและขนบธรรมเนียมประเพณี จึงกำหนดกฎหมายให้มีผู้พิพากษาพิเศษขึ้น มีหน้าที่ในการวินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมายอิสลาม นอกเหนือจากผู้พิพากษาที่มีประจำศาลอยู่แล้วเรียกว่ “ดาโต๊ะยุติธรรม”
ปัจจุบันศาสนาอิสลาม มีองค์กรทางศาสนาที่ราชการรับรอง เรียกว่า สํานักจุฬาราชมนตรี โดยมีจุฬาราชมนตรีเป็นผู้นําสูงสุด มีโครงสร้างการบริหารเป็นกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย กรรมการกลางอิสลามประจําจังหวัด และกรรมการกลางอิสลามประจํามัสยิด ในแต่ละมัสยิด(สุเหร่า) มีอิหม่าม คอเต็บ และบิหลั่น ประเภทละ 1 คน รวม 3 คน เป็นผู้ปกครองดูแลสัปปุรุษ
อิสลามไม่มีนักบวชในศาสนา ชื่อที่เรียกผู้นำในระดับต่างๆ มีความหมายดังนี้
อิหม่าม หมายถึง ผู้นำศาสนาอิสลามประจำมัสยิด
คอเต็บ หมายถึง ผู้แสดงธรรมประจำมัสยิด
บิหลั่น หมายถึง ผู้ประกาศเชิญชวนให้มุสลิมปฏิบัติศาสนกิจตามเวลา
คณะกรรมการกลาง หมายถึง คณะกรรมการกลาง ศูนย์อบรมศาสนาอิสลามและจริยธรรม
ประจำมัสยิด
สัปปุรุษประจำมัสยิด หมายถึง มุสลิมที่คณะกรรมการอิสลามประจำมัสยิดมีมติรับเข้าเป็น
สัปปุรุษประจำมัสยิด และมีชื่ออยู่ในทะเบียนสัปปุรุษประจำมัสยิด และผู้นั้นจะเป็นสัปปุรุษเกินกว่าหนึ่งมัสยิดในเวลาเดียวกันไม่ได้
Ref : http://www.catholic.or.th/amc/religious003.doc